หมอนโรงแรม มีกี่แบบ
หมอนโรงแรม มีกี่แบบ
หมอนใยบอล
หมอนขนเป็ด
หมอนใยสังเคราะห์
หมอนแบบที่ทางโรงแรมเขาใช้ เขาเลือกหมอนอย่างไร เราก็มีข้อมูลมาบอก ว่าโรงแรมส่วนใหญ่นั้น เขาเลือกใช้หมอนที่ทำมาจากวัสดุอะไรเป็นส่วนใหญ่
หมอนใยสังเคราะห์
เป็นหมอนที่พบเห็นบ่อยที่สุด ส่วนมากมักใช้ในโรงแรมทั่วไป เพราะวัสดุไม่ได้หายาก มีราคาไม่แพง แต่ทนทาน การดูแลรักษาก็ง่าย เหมาะกับธุรกิจที่มีห้องพักหลายห้องที่ต้องการประหยัดต้นทุนและได้หมอนโรงแรมที่มีคุณภาพในราคาสมเหตุสมผล จุดเด่นของหมอนที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ก็คือ ระบายอากาศได้ดี และคืนตัวได้ดี ไม่เสียทรง รองรับการกระจายน้ำหนักได้ดี
หมอนใยบอล
เป็นหมอนที่ใช้ใยสังเคราะห์เกรดพรีเมี่ยมที่อยู่ในรูปแบบเม็ดกลมทรงบอลเป็นไส้หมอนเพิ่มพื้นที่ระบายอากาศซึ่งจะช่วยทำให้หมอนโรงแรมใยบอลมีคุณภาพดี กระจายน้ำหนักและรองรับสรีระได้ดีกว่าหมอนใยสังเคราะห์ทั่วไป แม้อาจจะไม่นุ่มเท่ากับบรรดาหมอนขนเป็ด แต่ก็ยังให้ความรู้สึกที่สบายเช่นกัน เวลาใช้งานนานๆ ก็ไม่แฟ้บหรือว่าเสียทรงง่าย
หมอนขนเป็ด
เป็นหมอนโรงแรมที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ อาจจะไม่เหมาะกับลูกค้าที่แพ้กลิ่นขนเป็ด หรือแพ้ขนสัตว์ หมอนไส้ขนเป็ดจะมอบความรู้สึกนุ่ม สบาย และหรูหรา จุดเด่นของหมอนโรงแรมขนเป็ดแท้ก็คือ ความนุ่มฟู แน่นได้รูปทรง หมอนขนเป็ดแท้ยังมีคุณสมบัติยืดหยุ่น ที่จะค่อยๆยุบตัวลงอย่างช้าๆ เพื่อรองรับสรีระชองผู้นอนอย่างเหมาะสม ช่วยให้หลับสบาย ไม่ก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อยคอเวลานอน มักใช้กันในโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ที่ต้องการมอบสัมผัสแห่งการนอนที่เต็มอิ่ม เหนือระดับให้กับลูกค้า
ขนาดหมอนใยบอล; Size 19" x 29"; Weight 800/ 900/1,000 grams per piece และ; Size 22" x 35"; Weight 1,400 grams per piece
และ; Size 22" x 35"; Weight 1.8 kilograms per piece
ขนาดหมอนข้างใยสังเคราะห์ ; Size 28" x 42"; Weight 1,200 grams per piece และ; Size 16" x 16"; Weight 350 grams per piece
และ; Size 22" x 22"; Weight 700 grams per piece
หมอน นอกจากคำถามที่ว่าหมอนแบบไหนดี อีกอย่างที่ควรคำนึงก็คือ หมอนก็มีอายุการใช้งานเช่นกัน โดยทั่วไป หมอนทั่วไป แต่ละใบมีอายุการใช้งาน 18 เดือนหรือมากกว่าหนึ่งปี ส่วนหมอนแมมโมรี่โฟมอายุการใช้งานจะมากกว่าประมาณ 3-4 ปี
ตรวจสอบได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง คุณสามารถนำหมอนชนิดใดก็ได้ ลองพับครึ่งหมอน หากไม่คืนหมอนแสดงว่าเสียแล้ว หากมีกลิ่นอับ คราบเหงื่อ คราบน้ำลาย แนะนำให้เปลี่ยนหมอนใบใหม่ ลดปัญหาสุขภาพที่ตามมาเพราะอย่าลืมของใช้ในโรงแรมใช้หมอนทุกวัน มีการสะสมของฝุ่นและเหงื่อ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน และทำให้นอนไม่หลับ
การเลือกหมอนที่ดีเป็นสิ่งที่ทุกโรงแรมต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะความประทับใจ ในการเข้าพักโรงแรม คือคุณภาพการนอนของลูกค้า
ส่วนใหญ่โรงแรม 5 ดาวจะจัดหมอนมากถึง 4 ใบ ต่อห้องเนื่องจาก ท่าการนอน ที่เหมาะสม ในแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจัดหมอนให้คนละ 2 ใบ จะทำให้การจัดท่านอน ได้สบายมากขึ้นมากกว่าการนอนหลับ ด้วย หมอนโรงแรมเพียงใบเดียว
การจัดหมอน 4 ใบอย่างถูกต้อง ช่วยให้ลูกค้า นอนหลับ สบายตลอดคืน หมอนของโรงแรม ต้องคำนึงถึง ท่า การนอนของแต่ละคนด้วย ท่านอนของคนทั่วไป มีด้วยกัน 3 ท่าคือ
1. ท่านอนหงาย
การนอนหงายเป็นท่าพื้นฐาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง เพราะเป็นท่านอน ที่จะทำให้กระดูกสันหลังของผู้นอนอยู่ในแนวที่ดีไม่บิดเบี้ยว หมอนโรงแรมที่ใช้นอนหงายที่ถูกต้องควรเป็นหมอนโรงแรมที่มีความหนาปานกลาง ไม่สูงเกินไป และรองรับศีรษะถึงต้นคอ วิธีนี้จะทำให้ผู้นอนไม่ปวดคอและยังช่วยปรับสมดุลของกระดูกตั้งแต่คอถึงกระดูกสันหลังให้สมดุลดีขึ้น
2. ท่านอนตะแคง
ท่านอนตะแคง แนะนำให้นอนตะแคงขวา นอนโดยให้หมอนหนุนศีรษะจนถึงคอ ไม่ใช่ไหล่ จะทำให้ไม่ปวดคอ กระดูกสันหลังจะไม่ต้องทำงานหนัก นอกจากนี้ การนอนตะแคงขวา จะไม่กดดันหัวใจซีกซ้าย ทำให้หายใจลำบาก ส่วนหมอนอีกใบให้ใช้กอด ทำให้ผู้นอนหลับสบายตลอดคืนโดยให้เข่านอนราบและกอดไว้พร้อมกันเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้คล่องขึ้น
3. ท่านอนคว่ำ
การนอนคว่ำ เป็นท่านอนที่ไม่แนะนำ เพราะการ นอนคว่ำ จะทำให้กระดูกสันหลังส่วนคอบิดได้ และการแอ่นหลังมากเกินไป แนะนำให้ นอนหงายเอาหมอนหนุนศีรษะและคอ ส่วนหมอน อีกใบให้สอดไว้ใต้ท้อง กระดูกเชิงกรานส่วนล่างช่วยรับแรงกดบริเวณส่วนหลัง
ทำไมหมอนโรงแรมถึงต้องสีขาว ?
เพราะสีขาวดูแล้ว สบายตา สะอาด อันนี้คือความจริงที่เราย่อมจะรู้ดีกันอยู่แน่นอน เพราะว่าสีขาวเป็นสีที่แสดงออกถึงความบริสุทธิ์ ดูไปแล้วให้ความสบายตา ทำให้การนอนของเรานั้นสบายมากขึ้น และไม่ใช่แค่ตอนหลับนะครับ เพราะว่าการนอนหลับไปด้วยความสบายใจโอกาสที่จะฝันร้ายนั้นน้อยลงอีกด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม หมอนของโรงแรมถึงมีสีขาวเพราะว่าต้องการให้แขกทุกคนได้หลับไปพร้อมกับความสบายใจนั้นเอง
บริษัท คริสตัล โปรดักส์ จำกัด สงวนสิทธิ ห้ามคัดลอก ไปเผยแพร่ เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต